นวัตกรรมที่เนื้อผ้าสามารถป้องกันรังสียูวีจากแสงแดดได้ โดยเราได้แยกนวัตกรรม Anti-UV เป็น 2 แบบคือ Functional Anti-UV เป็นกระบวนการที่ทำให้ตัว Anti-UV อยู่ในเส้นด้าย จะอยู่กับผ้าตลอดอายุการใช้งาน ในขณะที่ Anti-UV Chemical Treatment คือการใส่สารเคมีลงบนเนื้อผ้าแบบชั่วคราว เมื่อผ่านการซักประมาณ 15-20 ครั้งจะมีความเจือจางลงขึ้นอยู่กับแต่ละเนื้อผ้า

1. ป้องกันแสงยูวี การทำงานของนวัตกรรม Anti-UV จะช่วยลดการทะลุผ่านของแสง UV เข้าสู่ผิวหนัง โดยความสามารถป้องกันรังสียูวีของสิ่งทอ (Ultraviolet Protection Factor: UPF) จะมีค่า UPF อยู่ในช่วง 15-50 ยิ่งสูงจะยิ่งบอกถึงสมรรถนะในการป้องกันรังสี UV ของวัสดุ สำหรับผ้าที่ผ่านการทดสอบแล้วพบว่ามีค่า UPF สูงกว่า 50 นั้น จะกำหนดค่าความสามารถในการป้องกันรังสีเป็น UPF 50+
2. ยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน การสวมใส่เสื้อผ้าที่มีนวัตกรรม Anti-UV เป็นอีกทางหนึ่งที่จะช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานินที่ทำให้สีผิวคล้ำขึ้น และยังปกป้องผิวหนังจากการเหี่ยวย่นก่อนวัยอันควรรวมทั้งการเกิดมะเร็งผิวหนัง